เก็บไว้เป็นความรู้ ประกันสังคมช่วยไว้ประสบการณ์จริงจากสาวคนหนึ่งที่แม่เสี ย ชีວิตแล้วได้เงินช่วยเยอะมาก

แชร์ไว้อ่ า นเป็นความรู้ ประกันสังคมช่วยไว้เยอะ ประสบการณ์จริงจากสาวคนหนึ่งที่แม่เสี ย ชีວิตแล้วได้เงินช่วยเยอะมาก เพราะไม่ข า ดส่งเงิน-เดินเ รื่ อ งตามนี้

เ รื่ อ งจาก : ล็อกอิน สมาชิกหมายเลข 2871959

เว็บไซต์ : https://pantip.com/topic/36572756

แม่ต า ย แต่ได้เงินแสน

ต้องขอโทษทุกท่านที่ตั้งหัวเ รื่ อ งชวนดราม่าไปหน่อย จุดประสงค์ที่ตั้งหัวข้อแรง เรียกแขกแบ บนี้ ขอยอมรับตามตรงว่าอย า กให้คนเข้ามาอ่ า นเยอะ เพราะ

1.เพื่อนเป็นวิทย าทานแก่ทุกท่าน

2.เพื่อให้คนอ่ า นทราบถึงสิทธิประโยชน์ที่คนทำประกันสังคมต้องได้รับ

3.เพื่อให้คนที่ยังอยู่จัดการเ รื่ อ งของคนต า ยให้ถูกต้อง

4.เพื่อให้คนที่ทำหรือยังไม่ทำประกันสังคมมองเห็นความสำคัญของสวัสดิการนี้

เริ่มเ รื่ อ งนะคะ เราเป็นลูกคนเดียวอาศัยอยู่กับแม่และพ่อ(พ่อเลี้ยง) ปัจจุบันอายุ 24 ค่ะ เพิ่งเรียนจบและรับปริญญาให้พ่อแม่ภูมิใจเมื่อปีที่แล้ว เม.ย. 59 ที่ผ่านมา เริ่มทำงานทันทีหลังเรียนจบได้ 1 ปีเศษและแน่นอนว่าเงินเก็บยังไม่มีค่ะ

ในส่วนของคุณแม่คือคนที่จ่ายเงินประกันสังคมมาประมาน 22 ปี ตั้งแต่เป็นสาวโรงงาน จนกระทั่งในปี 2548 ได้ลาออกเพื่อรับงานมาทำเองที่บ้าน คล้ายแนวฟรีแลนซ์ค่ะ แต่แม่ยังคงส่งประกันสังคมตามมาตรา 39 ทุกเดือน ขั้นต่ำคือ 432 บาท ตอนที่แม่เสี ย ชีວิตอายุ 49 (ตามบัตรประชาชน) อายุจริง 52 ค่ะ

ปลายเดือน ก.พ. 60 คุณแม่ป่ ว ยเป็นไข้เ ลื อ ดออก รั กษ าตัวที่ รพ.ตามสิทธิ์ประกันสังคม(รพ.เอกชน) อาการแม่ແย่มากกว่าหมอจะให้แอดมิด ก็ได้ย ากลับมากินเอง 3 ครั้ง จนครั้งที่ 4 หมอสั่งแอดมิททันที พบว่าแม่เป็นไข้เ ลื อ ดออก รั กษ าไข้เ ลื อ ดออกอยู่หลายสัปดาห์ จนกระทั่งเชื้อไข้เ ลื อ ดออกหมดไป แต่……แม่ยังคงตัวร้อนและมีไข้สูงถึง 39-40 องศาโดยไม่ทราบสาเหตุ จนทำให้หมอต้องเจาะไขสันหลังไปตรวจ

เดือน มี.ค. 60

รพ.แจ้งกลับมาว่า ไขสันหลังของแม่มีเ ลื อ ดปนมากและสรุปผลว่า เป็นม ะ เ ร็ งเม็ดเ ลื อ ดขาว แบบเฉียบพลัน เชื้อม ะ เ ร็ งลามไปทุกส่วนของร่ า งกายแล้วกว่า 90% ทาง รพ. ต้นสังกัดได้ส่งตัวคุณแม่ไปรั กษ าต่อที่ รพ.จุฬา

ก่อนออกจาก รพ.ต้นสังกัดเคลียค่ารั กษ าพย าบาล อยู่ที่ 155,000 บาท ตรงส่วนนี้ประกันสังคมครอบคลุมความคุมครอง ทำให้เราและพ่อไม่ต้องควักเงินในกระเป๋า ตอนนั้นเรากับพ่อค่อนข้างເครียດเ รื่ อ งค่ารั กษ า แต่พอได้คุยกับการเงินของ รพ. ก็เบาใจที่แม่ใช้สิทธิประกันสังคม

เดือน เม.ย. 60

เริ่มรั กษ าต่อ ที่ รพ.จุฬา เริ่มให้ คีโมและพักฟื้นที่ รพ.จุฬา 1 เดือน อาการแม่ดีขึ้น ตอบสนองย าดี แต่มีอาการอย่างเดียวคือ แพ้เกล็ดเ ลื อ ด เมื่อจบการทำคีโม รอบที่ 1 หมอให้กลับมาอยู่บ้าน เคลียค่ารั กษ าพย าบาล ประมาน 750,000 บาท เป็นส่วนที่ประกันสังคมครอบคลุม

และมีค่าใช้จ่ายอีก 70,000 กว่าบาทที่ ประกันสังคมไม่ครอบคลุมซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นย ารั กษ านอกบัญชี ที่ผู้ป่ ว ยจำเป็นต้องกิน (เงินในส่วน 70,000 นี้ เรากับพ่อช่วยกันหา ช่วงนั้นเราและพ่อทำงาน 7 วันรวดไม่พัก เพื่อหาเงินจ่ายค่าย านอกบัญชีทั้งหลายที่จำเป็น)

ต้นเดือน พ.ค.

หมอที่ จุฬา นัดทำ คีโมรอบที่ 2 อยู่ รพ. 7 วัน และกลับมาพักฟื้นที่บ้านต่อ จนกระทั่ง

วันที่ 23 พ.ค. 60

หมอที่ รพ. จุฬานัดตรวจและพบว่าเกล็ดเ ลื อ ดลดลงเหลือ 200 หมอจึงให้เกล็ดเ ลื อ ดเพิ่มแล้วกลับบ้าน คืนนั้นแม่มีอาการไข้ขึ้น

วันที่ 24 พ.ค. 60

ไปหาหมอที่ รพ.ต้นสังกัด สั่งแอดมิทช่วงบ่ายย้ายแม่อยู่ห้องรวม หลังจากนั้น 1-2 ชม. ย้ายแม่เข้าห้องปลอดเชื้อ ตอน 2 ทุ่มในวันเดียวกัน ย้ายเข้าห้อง ICU

วันที่ 25 พ.ค.60

ตอน 8.40 พย าบาลแจ้งว่าแม่ได้จากไปอย่างสงบแล้ว

ณ ตอนนั้นเคว้งมาก ร้องไห้อย่างหนัก แต่พ่อยังมีสติแล้วบอกเราว่า ร้องไห้ให้พอแล้วรีบตั้งสติเรายังมีเ รื่ อ งเอกสารที่ต้องเดินเ รื่ อ ง ต้องเข้มแข็ง ในวันนั้น พ่อ เรา และป้า เดินเ รื่ อ งติดต่อวัด และเทศบาลในการแจ้งต า ย กำหนดสวดศ พ แม่ 3 วัน จนกระทั่ง

วันที่ 29 พ.ค.60

เป็นวันที่เราและพ่อไปเก็บก ร ะ ดู กแม่ และติดต่อเ รื่ อ งประกันสังคม

เขตที่เราไปติดต่อคือประกันสังคมเขต สมุทรปราการ พอเข้าไปถึงก็มีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำ และเตรียมเอกสาร ซึ่งพี่เจ้าหน้าที่ได้ทำไฮไลต์เอกสารที้เราต้องใช้ ตามรูปด้านล่างนี้ค่ะ

ตอนเอาเอกสารยื่นเจ้าหน้าที่ เขาก็จะถามสาเหตุการต า ยว่าทำไมถึงต า ย ป่ ว ยนาน ไหน รั กษ านาน ไหน รั กษ าที่ไหนบ้าง บลา ดูไปก็คล้ายตำรวจสอบสวนคดีเหมือนกันนะคะ แต่เข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ต้องบันทึกข้อมูลให้ละเอียดที่สุดเท่าที่นะทำได้ เพราะฉะนั้น หากเจ้าหน้าที่ประกันสังคมซักไซร้ ถามจี้ ถามละเอียดยิบ ก็อย่าไปว่าเขาเลยนะคะ เขาทำตามหน้าที่ค่ะ

ตามสิทธิประกันสังคมตามกฏหมายแล้ว เมื่อผู้ประกันตนเสี ย ชีວิต สิทธิ์ลำดับแรกคือ

1.พ่อแม่ของผู้ประกันตน

2.สามี/ภรรย าของผู้ประกันตน(ที่จดทะเบียนสมรส)

3.บุตร

กรณีของเราคือ ตาและย าย เสียแล้ว เราจึงต้องนำใบมรณบัตรของต า ย าให้พี่เจ้าหน้าที่ และเราต้องไปที่ ที่ว่าการอำเภอสมุทรปราการเพื่อไปคัดสำเนาทะเบียนครอบครัว ว่าแม่เราได้จดทะเบียนสมรสกับใครไว้หรือไม่ หากไม่มีการจดทะเบียน ทางอำเภอจะให้เป็นเอกสารที่ออกจากระบบ และเป็น – ข้อมูลว่างเปล่าไว้ ต้องนำตัวนั้นไปยื่นให้กับเจ้าหน้าที่ประกันสังคม

สิทธิ์ที่จะได้รับเงินกรณีผู้ประกันตนเสี ย ชีວิตคือ

1.ค่าทำศ พ ( 40,000 บาท )

2.เงินสงเคราะห์กรณีต า ย

3.เงินชราภาพ

#ในส่วนของข้อ 2 และ 3 มีวิธีคิดคำคำนวนเงินที่จะได้รับ ตามลิงค์ ด้านล่างนี้ค่ะ (เว็บนี้เข้าใจง่ายที่สุดแล้วค่ะ) : oknation.nationtv.tv/blog/K-Expert/2013/05/31/entry-1

กรณีของเรา

1.เงินค่าทำศ พ พ่อเราเป็นผู้รับ กรณีนี้ใครเป็นผู้รับเงินก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น พ่อแม่ สามี บุตร หรือญาติพี่น้องก็ได้ แต่ต้องมีหลักฐานยืนยันจากทางวัดว่า บุคคลนี้เป็นผู้ดำเนินการเ รื่ อ งงานศ พ จริง และต้องมีพย านยืนยัน 2 คน ในส่วนของพย านยืนยันต้องใช้บัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของพย านแนบด้วย และพ่อต้องเขียนข้อความประมาณว่า อยู่กินฉันท์สามีภรรย ากับแม่โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส พร้อมเซ็นกำกับด้วยค่ะ เงินที่ได้รับจะถูกโอนเข้าบัญชีธนาคาร

2. เงินสงเคราะห์กรณีต า ย เราได้มาประมาน 28,000 บาท เงินถูกโอนเข้าบัญชีธนาคาร (วิธีคำนวนกรุณาดูที่ Link ด้านบนค่ะ)

3.เงินชราภาพ เงินส่วนนี้เป็นส่วนที่ได้เยอะมากที่สุด เจ้าหน้าที่ประกันสังคมอธิบายว่า เงินส่วนนี้จะมีปันผลและดอกเบี้ยด้วย หากคำนวนเองก็จะทราบคราวว่าประมานเท่าไร (วิธีคำนวณกรุณาดูที่ Link ด้านบนค่ะ)

แม่เราส่งประกันสังคมมาประมาณ 22ปี แต่ในส่วนของสิทธิชราภาพนี้เพิ่งประกาศและมีผลบังคับใช้เมื่อปี 2542 ดังนั้นการคำนวนเงินที่ได้จึงคำนวนจากปี 2542 – 2560 เท่านั้น เงินส่วนนี้ เราได้รับมาประมาน 74,400 บาท เงินถูกโอนเข้าบัญชีธนาคารเช่นเดิม

ตั้งแต่วันที่ยื่นเอกสารที่สำนักงานประกันสังคม จนกระทั่งได้เงิน ระยะเวลา 2 อาทิตย์ค่ะ

ขอยอมรับเลยว่า ถ้าแม่ไม่ทำประกันสังคมไว้ ลูกคนนี้คงไม่มีปัญญาหาค่ารั กษ าพย าบาลเป็นล้านมารั กษ าแม่แน่ และคงจัดงานศ พ ได้ไม่ดีเท่าที่ควรจากการสูญเสียมันทำให้รู้ว่าสิทธิประโยชน์ตรงนี้ช่วยได้มากจริงค่ะ

เพราะฉะนั้น ใครที่ส่งประกันสังคมอยู่พย าย ามอย่าข า ดส่งนะคะ มันเป็นมรดกตกไปถึงลูกหลานได้จริง ไม่จำเป็นต้องเฉพาะคนทำงานบริษัทที่ทำประกันสังคมได้ ตัวอย่างของแม่เรา คือ ผู้ประกันตนเองตามมาตรา 39 คนที่ทำฟรีแลนซ์ก็ส่งได้ค่ะ

และที่สำคัญที่เป็นสาเหตุหลักของการตั้งกระทู้จั่วหัวรุ นแร งเช่นนี้คือ ระบบราชการไทยยังไม่มีการเชื่อมข้อมูลหากันแบบทุกหน่วยงาน ในกรณีนี้ เราไปแจ้งต า ยที่เทศบาล แต่ไม่มีข้อมูลส่งมาที่ สำนักงานประกันสังคม เราต้องมาแจ้งเอง ดังนั้นเราเลยคิดว่า สมุมติผู้ทำประกัน มาทำงานใน กทม. มีพ่อแม่แก่ ลูกเล็กที่ ตจว. ไม่รู้เ รื่ อ งสิทธิ เ รื่ อ งกฏหมายมากนัก เกิດ ต า ยไป เงินที่ครอบครัวผู้ต า ยควรจะได้จะไปอยู่ตรงไหน……แล้วรัฐเอาไปทำอะไร……. ทางที่ดีเมื่อรู้แล้วว่าตนเองมีสิทธิ์อย่างไร ควรใช้สิทธินั้นอย่างเกิດประโยชน์สูงที่สุดนะคะ

หากข้อมูลไม่ครบถ้วนหรือข า ดตกบกพร่องตรงไหนขออภัยด้วยนะคะ เขียนจากประสบการณ์จริงและจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ตัวเองค่ะ

ขอบคุณค่ะ