หมอสุภัทร โพสต์โวย ตั ดงบบัตรทอง 2.4 พันล้าน ชี้รัฐสอบตก

วันที่ 23 เม.ย. นายแพทย์สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงบาลจะนะ จ.สงขลา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า ตั ดงบสาธารณสุขและบัตรทอง รัฐบาลเพี้ยนอีกแล้ว ช่วงโควิดผมไม่ได้เขียนวิจารณ์รัฐบาลมาหลายวันแล้ว ตั้งใจเขียนงานกึ่งวิชาการเผยแพร่แทน แต่วันนี้ไม่วิพากษ์รัฐบาลบ้างคงไม่ได้แล้ว เพราะรัฐบาลแอบหั่นงบสาธารณสุขและบัตรทอง

หลักการง่ายของรัฐบาลก็คือ ตั ดงบกันถ้วนหน้า ทุกกระทรวงต้องหั่นงบมาลงขันตามเปอร์เซ็นต์ที่ไม่รู้ใครกำหนด ประมาณว่า รมต.เจ้ากระทรวงหรือปลัดกระทรวงก็จำใจต้องทำตาม ไม่อาจมีปากเสียงได้ ราวกับเรายังอยู่ในยุค คสช.

โดยการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2563 ได้มีการพิจารณาเ รื่ อ ง การโอนงบประมาณ 2563 และได้มีมติ ตั ดงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรืองบ บัตรทอง จำนวน 2,400 ล้านบาท รวมทั้งงบของกระทรวงสาธารณสุขเอง 1,200 ล้านบาท รวมเป็น 3,600 ล้านบาท นำไปตั้งเป็นงบสำรองฉุกเฉิน แก้ไขปัญหา ช่วยเหลือเยียวย า และบรรเทาผลกระทบ จากการแพร่ระบาดโควิด-19

คนไทยทั้งประเทศคงยังไม่ทราบว่า ตลอดสามเดือนที่มีการระบาดของเชื้อโควิด โรงพย าบาลต่างแทบไม่เคยได้รับงบประมาณที่เป็นตัวเงินจากรัฐบาลเลย นี่คือความจริงที่เราไม่อย า กจะบ่นออกมา มีเพียงการส่งของมาให้เป็นหน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์เจล ชุด PPE

แต่งบสักแดงเดียวมาเติมในกระเป๋าเงินบำรุงของโรงพย าบาลนั้นยังไม่มี แต่ละโรงพย าบาลนั้นใช้เงินบำรุงที่เก็บสะสมไว้เองมาเป็นเงินใช้จ่ายมากมายในช่วงนี้ และเกือบทุกที่ต้องเปิดรับเงินบริจาคจากประชาชน ซึ่งสามารถช่วยโรงพย าบาลได้อย่างมาก

ในช่วง CD19 รายจ่ายสำคัญของทุกโรงบาลที่เพิ่มขึ้นคือ รายจ่ายในการปรับปรุงปรับเปลี่ยนสถานที่ให้รับกับสถานการณ์ ตัวอย่างเช่นที่โรงบาลจะนะ เราเพิ่มจุดคัดกรอง เราปรับปรุงหอพักแพทย์ให้เป็นหอผู้ป่ ว ยโควิดขนาด 20 เตียง เราต้องจัดอัตรากำลังมาสอบสวนทุกวันซึ่งต้องจ่ายค่าตอบแทนเพิ่ม เราจัดย าโ ร คเรื้อรังส่งตรงไปที่บ้านผู้ป่ ว ยกว่า 5,000 คน

ซื้อครุภัณฑ์การแพทย์เพิ่ม ลงทุนกั้นห้องแบ่งส่วนเพื่อป้องกันการฟุ้งกระจาย ต้องปรับปรุงห้องฉุกเฉิน ต้องสนับสนุนงบแก่ รพ.สต. เป็นต้น ทั้งหมดนี้ล้วนใช้เงินบำรุง เงินจัดสรรจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ( สปสช.) ตามปกติ หรือเงินบริจาคทั้งสิ้น ยังไม่ได้รับการสนับสนุนงบเพิ่มเติมจากลุงเลย

ไม่สนับสนุนงบให้กระทรวงสาธารณสุขหรือ สปสช.เพิ่มนั้น ก็พอจะเข้าใจได้ เพราะรัฐบาลมีรายจ่ายสำคัญในการพยุงเศรษฐกิจและดูแลประชาชนที่ย ากลำบาก โรงพย าบาลต่างจึงแทบไม่มีใครออกมาเรียกร้องว่า เข้าเนื้อ ของบเพิ่ม แต่การมา ตั ดงบของสายสุขภาพลงไป 3,600 ล้านบาทนั้น เข้าใจไม่ได้เลย และไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมรัฐบาลจึงเพี้ยนเช่นนี้

กระทรวงสาธารณสุขมีโรงพย าบาลเกือบ 1,000 แห่ง โรงพย าบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.)อีก 10,000 แห่ง ทุกแห่งทำงานเต็มที่สู้ศึกโควิด ทุกแห่งควรได้รับเงินสนับสนุนเพิ่ม แต่นี่ไม่เคยให้งบเราแล้วยังมา ตั ดงบเราอีก วิธีคิดเช่นนี้ สอบตกโดยสิ้นเชิง ครับ