ถ้าคนที่แม้แต่ตัวเองยังรักไม่เป็นเลย ก็อย่าหวังว่าเขาจะรักใครเป็นได้
ถ้ารักตัวเอง ก็ต้องเข้าใจตัวเองด้วย
คนที่ไม่สามารถเข้าใจตัวเองได้ ก็อย่าหวังเลยว่าเขาจะเข้าใจใครในโลกนี้ได้
ถ้าเข้าใจตัวเอง ก็ต้องควบคุมตัวเองได้
ถ้าควบคุมตัวเองไม่ได้ ก็อย่าหวังเลยว่าจะควบคุมใครในโลกนี้ได้อีก
อย่าเข้าใจผิดว่า การรักตัวเอง เป็นความเห็นแก่ตัว ความรักตัวเอง กับ ความเห็นแก่ตัว เป็นคนละเ รื่ อ งกันเลยนะ
คนเห็นแก่ตัว คือ คนที่ข า ดวิจารณญาณในเ รื่ อ งส่วนได้ส่วนเสียของคนอื่น
คิดเอาแต่ผลประโยชน์และความพอใจของตัวเองเท่านั้น คนเห็นแก่ตัวนั้น เขาก็ไม่ได้รักตัวเองด้วยซ้ำไป
มีใครบ้างที่ไม่ต้องการความรัก คนเราทุกคนต่างก็ต้องการความรักทั้งนั้น
ถ้าคนไหนบอกว่าไม่ต้องการความรัก คนนั้นถ้าไม่โกหก ก็หลอกตัวเอง หรือไม่ก็ ไม่เข้าใจตัวเองดีพอ
ธรรมชาติของมนุษย์ ต้องการความรักตั้งแต่แรกเกิດแล้ว นอกเหนือไปจากนม น้ำ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และย ารั กษ าโ ร คแล้ว ทารกยังต้องการอ้อมกอดที่เต็มไปด้วยความรักจากแม่ ย ามที่แม่คุยด้วย เล่นด้วยกับทารก ทารกก็มีความสุขหัวเราะเอิ๊กอ๊ากได้ ย ามที่ทารกเจ็บป่ ว ย ร้องไห้งอแง ทารกก็ต้องการให้แม่อุ้มปลอบโยน
ลองสำรวจดูซิ ว่ารักตัวเองเป็นกันหรือเปล่านะ?
คนที่รักตัวเองเป็น เขาทำอะไรให้ตัวเองบ้าง?
ข้อแรก คนที่รักตัวเองเป็น จะให้ความสนใจใยดีในสุขภาพและความงามของตัวเองอยู่เสมอ
เป็นต้นว่า
– ดูแลร่างกายให้สะอาดสะอ้าน ไม่มีกลิ่นปาก กลิ่นตัว
– ดูแลการแต่งกาย ทรงผม ให้เหมาะกับยุคสมัย ตามสไตล์ที่ตัวเองชอบ
– ไม่ปล่อยตัวเองให้มีน้ำหนักเกิน หรือ ต่ำกว่ามาตรฐานมากนัก
– หมั่นออกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอ
– กินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่่างกาย
– พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ ไม่นอนดึก ตื่นสาย
ข้อที่ 2. คนที่รักตัวเองเป็น จะไม่ทำลายสุขภาพตัวเองทุกวิถีทาง
เป็นต้นว่า
– ไม่สูบบุหรี่
– ไม่ดื่มเหล้า เบียร์ เป็นประจำทุกวัน
อาจดื่มเพื่อสังสรรค์ ปีละไม่เกิน 4-5 ครั้ง ดื่มพอประมาณ
ไม่ดื่มจนข า ดสติ จนเดินไม่ตรงทาง
– ไม่ใช้ย าเ สพ ติ ดทุกประเภท
– ไม่ประมาทเลินเล่อ จนเกิດอุ บั ติ เห ตุ บาดเจ็บหรือแม่ให้มาไม่ครบ
ข้อที่ 3. คนที่รักตัวเองเป็น จะไม่ทำร้ า ยร่างกายตัวเอง ไม่ทำลายของตัวเอง
เป็นต้นว่า
– ไม่ชกกำแพง แล้วตัวเองต้องเจ็บมือเอง
คนบางคนเวลาโกรธแล้วชอบทำร้ า ยตัวเองด้วยวิธีต่าง
– ไม่ขว้างปาแก้ว มือถือ หรือสิ่งของใดให้เสียหาย เสียดายเงินที่ตัวเองหามา
ข้อที่ 4. คนที่รักตัวเองเป็น จะไม่ทำร้ า ยจิตใจตัวเอง อย่างเด็ดข า ด
จะทำทุกอย่างเพื่อให้ใจตนเองเป็นสุข สงบ และมีความพึงพอใจ
– ไม่ทำให้ตัวเองต้องเป็นทุกข์ เ รื่ อ งอะไรที่คิดแล้วกลุ้ม คิดแล้วทุกข์ จะไม่คิดวิธีนั้น
แต่จะมองหาสาเหตุของปัญหา และหาทางออกให้กับปัญหานั้น แทนที่จะไปกลุ้มใจ
– ปากกับใจ ต้องตรงกัน ไม่หลอกคนอื่น และไม่หลอกตัวเอง เช่น
ถ้ามีใครถามว่า ของขวัญวันเกิດปีนี้ อย า กได้อะไร
ถ้าอย า กได้นาฬิกาข้อมือเรือนใหม่ ก็บอกไปตรง
ไม่ใช่ไปบอกว่า ไม่อย า กได้อะไรหรอก เกรงใจ
แต่พอถึงวันเกิດแล้วไม่ได้อะไร ก็เก็บมาคิดน้อยอกน้อยใจ
– ไม่มีทิฐิ ไม่ดื้อรั้น ไม่ดันทุรัง เพราะสิ่งเหล่านี้ เป็นความเขลาชนิดหนึ่งที่บดบังสติปัญญา
ทำให้ไม่มีวิจารณญาณที่ถูกต้อง ทิฐิ คือ ความดื้อรั้นจองหอง ปนความเจ็บปວดในใจ น้อยใจ ເເค้นใจ
แต่กลัวเสียหน้า เสียฟอร์ม ทิฐิ คือ แผลใจชนิดหนึ่ง เมื่อโดนสะกิดจะเจ็บ และยิ่งเพิ่มดีกรีความมีทิฐิให้มีมากยิ่งขึ้น คนที่มีทิฐิ เพราะอย า กให้เขาง้อมาก อย า กให้เขาเห็นความสำคัญของตัว แต่ถ้าคู่กรณีไม่รู้ใจ ไม่เข้าใจ หรือไม่แคร์ สิ่งที่เจ้าตัวต้องการก็จะไม่ได้สมดังใจ เลิกมีทิฐิเสียดีกว่า ไม่พอใจอะไร เพราะอะไร ต้องการแบบไหน อย่างไร คุยกันดีด้วยเหตุผลให้เข้าใจกันดีกว่า สุขภาพจิตดีกว่ากันเยอะเลย
– ไม่โกรธตัวเอง ไม่ลงโทษตัวเอง เมื่อมีสิ่งผิดพลาดเกิດขึ้น สิ่งที่เกิດขึ้นแล้ว ผ่านไปแล้ว แก้ไขเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้ว แต่มีทางออกเสมอ เรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเอง ว่าเกิດขึ้นเพราะอะไร หาหนทางป้องกันไม่ให้เกิດขึ้นอีก และอภัยให้ตัวเอง คิดเสียว่า พลาดไปนิด ก็ฉลาดขึ้นหน่อย
– ไม่ดูถูกตัวเอง ไม่รู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยน้อยหน้า ชีวิตใคร ก็ชีวิตคนนั้น ไม่เอาตัวเอง ไปเปรียบเทียบกับคนอื่น
พอใจในความเป็นตัวเอง ถ้าเราต้องขับรถคันเล็ก ก็ต้องพอใจว่า หาที่จอดรถง่าย รถกินน้ำมันน้อย ไม่รู้สึกด้อย ที่ไม่ได้ขับรถหรูหราราคาแพง แม้เราจะไม่ใช่คนเก่ง ทำงานตำแหน่งเล็ก แต่เราก็พอใจที่เราทำหน้าที่ของเราได้ดีที่สุด และเราก็รักงานของเรา
– ไม่หลงตัวเอง ว่าวิเศษเลิศเลอกว่าใคร ไม่ดูถูกคนอื่น ไม่ยกตนข่มท่าน เราก็มีดีของเรา เขาก็มีดีของเขา สิ่งที่เรามี คนอื่นอาจไม่มี สิ่งที่คนอื่นมี เราอาจไม่มี ฉะนั้น เราเองก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบ ถ้าเห็นใครมีอะไรดีกว่าเรา ควรชื่นชมเขา ถ้าเห็นใครมีอะไรด้อยกว่าเรา ควรเมตตาและอย า กช่วยเหลือเขา
– มีความเป็นมิตร ไม่มองโลกในแง่ร้ า ย ไม่มองโลกในแง่ดี แต่มองทุกอย่างในแง่บวก เห็นโลกอย่างที่เป็นจริง
คนเราต้องมีเพื่อน มีสังคม หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพบปะผู้คน การมองโลกในแง่ดี อาจทำให้ไว้ใจคนอื่นมากไป
การมองโลกในแง่ร้ า ย อาจทำให้ไม่ไว้ใจใครเลย ควรมองโลกอย่างที่เป็นจริง ในสังคมที่เราอยู่นั้น มีทั้งคนดีและไม่ดีปะปนกันไป ถ้าเห็นใครดี เราก็ไว้วางใจได้ ถ้าเห็นว่าคนไหนไม่ดี เราก็ระมัดs ะวั ง แต่ถ้ามีสิ่งใดไม่ดีเกิດขึ้นแก่เรา เราก็คิดในแง่บวกได้เสมอ เช่นว่า มีคนมาขอยืมเงินเราไป 10,000 บาท แล้วหายหน้าหายตาไป
ก็คิดเสียว่า นี่ยังดีนะ ที่ไม่ได้ให้เขายืมไป 20,000 บาท เลยเสีย หมื่นเดียวเอง เสียเงิน ก็ดีกว่าเสียอวัยวะหรือเจ็บตัว
หรือถ้าเราต้องอกหัก ถูกแฟนทิ้ง ก็คิดเสียว่า ไปเสียได้ก็ดีนะ
เขาคงเปิดโอกาสให้เราได้เจอคนใหม่ที่ดีกว่าเขาน่ะ
หรือถ้าเราลืมเขาไม่ได้ เพราะมีคุณงามความดีไว้กับเรามากมาย เราก็ต้องสำรวจตัวเองว่า เราผิดเอง เราทำตัวไม่ดีเอง ถ้ามีรักครั้งต่อไป เราจะไม่เจ้าอารมณ์ แสนงอน เอาแต่ใจ หรือเห็นแก่ตัวอีกแล้ว
– รักงาน แต่ไม่บ้างาน ทำงานแต่พอดี
คนรักงาน จะสนุกกับงานที่ทำ แต่คนบ้างาน จะเอางานมาสุมไว้กับตัวเอง
จนงานล้นโต๊ะ ทำเท่าไรก็ทำไม่เสร็จ และแทบไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่นเลย
– ให้รางวัลกับตัวเองเป็นระยะ เช่น ไปเที่ยวต่างจังหวัด หรือ ต่างประเทศ
ดูหนัง ฟังเพลง ดูคอนเสริต ซื้อของที่ตัวเองชอบและอย า กได้
– ไม่โกรธ ไม่เกลียด ไม่อิ จ ฉ าริษย า ไม่อาฆาตพย าบาทใคร
เพราะสิ่งเหล่านี้ มีแต่ทำลายความสุข ความสงบในใจตัวเอง
ถ้ารักตัวเองเป็น ต้องควบคุมตัวเอง ไม่ให้โกรธ เกลียดใคร หรือ อิ จ ฉ าริษย าใคร
เรียนรู้ที่จะรักตัวเองให้เป็น มอบสิ่งดีให้กับตัวเอง ทั้งทางร่างกาย และ ทางจิตใจ
เมื่อรักตัวเองเป็นแล้ว ก็จะรักคนอื่นเป็นด้วย
คนที่รักตัวเองไม่เป็น ไม่มีทางรักใครเป็นได้หรอกครับ
ขอคุณข้อมูล oknation.nationtv.tv